คาถากันผี พระคาถาป้องกันอันตราย ชินบัญชร

ประวัติความเป็นมาแบบสั้นๆนะครับ..
พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ
ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง
ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ
ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วระลึกถึงหลวงปู่โตและตั้งคำอธิษฐานแล้วเริ่มสวด



จากประสบการณ์ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้นะครับ พระคาถานี้ทุกๆคนสามารถสวดได้หมดนะครับ จะให้ดีให้สวดก่อนนอน
ถ้าสวดเป็นประจำทุกวัน เจ้ากรรมนายเวรที่จะเข้ามาจองกรรมเรา จะทำให้จากกรรมหนักจะกลายเป็นเบา เพราะอะไร? เพราะเจ้ากรรมนายเวร ที่จะมาทำให้เีราบาดเจ็บ รถชน มีดบาด ประตูหนีบ อะไรก็แล้วแต่ พวกเขาเป็นวิญญาณ หรือเรียกง่ายๆ ว่าผีนั้นเอง ถ้าเราสวดพระคาถานี้ พระคาถาที่จะช่วยปกป้องคุ้มครอง คุ้มกันเราจากภูติผีปีศาจ
ใครที่ดวงตกมากๆ ให้ท่อง 9 จบก่อนนอน

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเชื่อนะครับ โชคดีทุกคน

0 ความคิดเห็น:

ธนบัตรใบละ 1,000 บาท

อาจารย์มหาวิทยาลัยคนนึง เริ่มการสนทนาในชั้นเรียนด้วยการควักธนบัตรใบละ 1,000 บาท ...ออกมาให้นักศึกษาดู

แล้วถามว่า "มีใครอยากได้บ้างไหม"

นัก ศึกษาทุกคนยกมือขึ้นอาจารย์ขยำธนบัตรนั้น จนยับยู้ยี่......แล้วถามอีกครั้งว่า "มีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อีกหรือไม่"ทุกคนยังยกมือขึ้นเหมือนเดิมอาจารย์ ถามต่ออีกว่า "ถ้าสมมุติว่า ธนบัตรใบนี้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น แล้วมีคนมาเหยียบย่ำจนสกปรก ยังจะมีใครอยากได้อีกหรือไม่"

นักศึกษาทุกคนตอบว่า"ยังอยากได้......"

อาจารย์ จึงกล่าวสรุปว่า "นั้นคือสิ่งมีค่า ที่พวกเธอได้เรียนรู้ในวันนี้ ไม่ว่าจะเธอจะทำอะไรกับธนบัตรใบนี้ มันก็คงยังมีราคา 1,000 บาทเสมอ ชีวิต คนเราก็เช่นเดียวกัน บางครั้ง เราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใครซ้ำเติม เหยีบย่ำ ถูกขยี้ ยับเยิน เพราะผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต จนทำให้เธอเกิดความรู้สึกว่าตนเอง ไร้ค่า แต่รู้ไหม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ยังมี คุณค่าของความเป็นคน ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือยับยู้ยี่ ^_^

"ตัวเรามีค่าที่สุดเสมอ จำไว้
"


ขอขอบคุณข้อคิดดีดี

0 ความคิดเห็น:

การเบิกโอนบุญ อนุโมทนาบุญ และวิธีปฏิบัติ

การเบิกบุญที่เคยทำไว้โอนออกไปให้ญาติในโลกทิพย์
"ขอ อำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญที่ข้าพเจ้าให้ถึงแก่ปอบ เปรต ผี ปีศาจ เทวดา มาร พรหม ยักษ์ คนธรรพ์ เงือก นาค ครุฑ อสูร กินรา ที่เป็นญาติข้า จงเป็นสุขจากบุญที่ข้าให้นี้เถิด"
เมื่อ กลุ่มญาติได้รับบุญก็จะดูแลปกป้องรักษาให้เราปลอดภัยจากเจ้ากรรมนายเวรที่จะ มาถึงตัวเราและก็จะดูแลบ้าน กิจการร้านค้าขายให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป หากเราไม่หมั่นส่งบุญให้เขาๆจะเอาบารมีที่ไหนมาปกป้องเรา

ส่วนการเบิกบุญที่เคยทำไว้โอนออกไปให้เจ้ากรรมนายเวร
"ขอ อำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้าให้นายเวรข้าที่เดินทางมาถึงและกำลังก่อกวนข้าอยู่ในเวลานี้ เมื่อได้รับบุญแล้วจงเป็นสุขเถิด ข้าขออภัยในความผิดที่ข้าเคยทำกับพวกท่านไว้ เรามาสร้างบุญร่วมกัน มามีความสุขไปด้วยกันเถิด"

การเบิกบุญที่ทำไว้โอนออกไปให้นายเวร
"ขอ อำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญของข้าพเจ้าแปรสภาพเป็นร่างกายของข้าพเจ้าไปให้นายเวรที่จะเข้า มาทำร้ายข้าพเจ้าให้เขาได้แก้แค้นร่างกายที่เกิดจากบุญที่ข้าพเจ้าส่งไปให้ นั้นเถิด"

การเบิกบุญแก้ไขโรคโดยเจาะจงดังนี้
"ขอ อำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้าพเจ้าให้ถึงแก่นายเวรกับเชื้อโรคที่ก่อกวนอยู่ใน (ระบุส่วนของร่างกายที่เจ็บป่วยอยู่) จงเป็นสุขจากบุญที่ข้าให้นี้แล้วออกจากร่างกายของข้าไปทีเถิด"
อนึ่ง หมอ พยาบาล หากไม่อุทิศบุญให้กับเชื้อโรคที่ตายจากการที่ตนฉีดยา ฉายรังสี ผ่าตัด เชื้อโรคที่ตายเหล่านั้น หากเล่นงานเราไม่ได้ก็จะเล่นงาน ลูกหลาน หรือสัตว์เลี้ยง แม้กระทั่งต้นพืชของเรา

วิธี การปฏิบัติการเบิกโอนบุญประจำวัน ตื่นเช้า เบิกบุญให้ผู้ที่มาเกี่ยวข้องกับเราโดยทางฝัน รวมทั้งให้เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนทั้งภายนอก ภายในกายของเรา ตลอดถึง ภูติ ผี ปีศาจเปรต ปอบ นาค ครุฑ อสูร ยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ยมทูต เทวดา มาร พรหม ที่เป็นญาติของเราที่อยู่บริเวณบ้านนี้เข้าห้องน้ำเบิกบุญให้แบคทีเรีย จุลินทรีย์ต่างๆ ที่ตายจากการที่เราอาบน้ำชำระร่างกาย รวมทั้งเชื้อโรคต่างๆ ที่ออกไปจากการขับถ่ายของเรา เวลากินข้าวก็เบิกบุญให้กับวิญญาณสัตว์ที่สถิตในเนื้อสัตว์ ในผัก ในข้าว ในน้ำ ในอาหารทั้งหมด รวมทั้งให้กับดวงใจสัตว์ที่ตัวเรานำมาทำอาหารด้วย ไปทำงานก็เบิกบุญให้กับเทวดาประจำรถ และภูต ผี ปีศาจที่อยู่กับรถ และบอกเทวดาให้คุ้มครองป้องกันภัย ขณะเดินทางก็เบิกบุญให้กับภูต ผี ปีศาจ ปอบ เปรต เทวดา ที่อยู่อาศัยตามถนนหนทางด้วย ถึงที่ทำงานร้านค้า ก็เบิกบุญให้เทวดาประจำตัวของผู้ร่วมงานทั้งหลาย และภูต ผี ปีศาจ ปอบ เปรต เทวดา ที่อยู่ในที่ทำงาน ร้านค้าขาย เมื่อกลับจากการทำงานก็เบิกบุญให้เช่นตอนมาทำงาน เมื่อถึงบ้านก็เบิกบุญให้หมู่ภูตผี ปีศาจ ปอบ เปรต อสูรกาย นาค ครุฑ ยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ยมทูต เทวดา มาร พรหม ที่เป็นญาติของเรา ทำธุรกิจส่วนใดๆ ก็เบิกบุญให้เหมือนตอนเช้าทุกประการ

วิธี การอนุโมทนาบุญ คือ ร่วมยินดีในขณะที่เห็นผู้อื่นทำดี เช่น ถวายสังฆทาน ใส่บาตร ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาเป็นต้น บุญจะเกิดขึ้นกับเรา เมื่อเราร่วมยินดีกับการที่เห็นผู้อื่นทำความดีนั้นแล้ว ให้คิดว่า "สาธุ บุญนี้ ขอยกให้กับ"...(แล้วแต่จะยกให้ใคร)

ประโยชน์ของการโอนบุญ
1.ทำให้ร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เพราะเจ้ากรรมนายเวรไม่มาเบียดเบียนหรือป่วยอยู่ก็ทำให้หายเร็วขึ้น
2.ประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจและมุ่งหวัง เพราะเทวดาที่ดูแลเราช่วยเหลือและเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นศัตรูกลับกลายเป็นมิตรแทน
3.ครอบครัวมีความสุขลูกเชื่อฟังพ่อแม่
4.ช่วยให้จิตใจอ่อนโยนมีเมตตา
5.การเดินทางปลอดภัย เพราะเป็นที่รักของมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งหลาย
6.ปฏิบัติธรรม เจริญธรรม ปัญญาเกิดขึ้นง่าย

จากหนังสือความสัมพันธ์ระหว่างโลกทิพย์ และผลของการส่งบุญ
พระอาจารย์บุญยง อภิลาโส ภิกขุ

0 ความคิดเห็น:

กรรมฐานแบบคนขี้เกียจ

การเจริญกรรมฐานจริง ๆ ถ้าทำเเป็นล่ำเป็นสันมันอาจจะเกินพอดีไปก็ได้ เอากันแบบคนขี้เกียจ แต่ตายแล้วไม่ลงนรกดักว่า ง่ายดีนะ คนขี้เกียจเขาจะทำแบบนี้

ก่อนนอนหลับ จนึกถึงพระพุทธเจ้า หรือนึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะที่เราชอบ จิตก็จับลมหายใจเข้าออก ภาวนา "พุทโธ" ก็ได้ อะไรก็ได้นะ เอาพุทโธเป็นเกณฑ์ก็แล้วกัน หายใจเข้านึกว่า "พุท" หายใจออกนึกว่า "โธ" เพียงแค่ ๒-๓ ครั้ง มันหลับไปก็ใช้ได้ ขณะภาวนาอยู่ถ้าจิตเข้าไม่ถึงฌานมันจะไม่หลับ ถ้าจิตสงบถึงฌานมันจะตัดหลับทันที

จะเป็นฌานขั้นไหนก็ตาม ขณะที่หลับอยู่กี่ชั่วโมงก็ตาม ท่านถือว่า ทรงฌานตลอดเวลา ถ้าตายเวลานั้นจะเป็นพรหมทันทีเป็นอย่างน้อย ถ้าบังเอญก่อนจะตายก่อนจะหลับเรานึกถึงพระนพพาน ภาวนาด้วย นึกถึงพระนิพพานไว้ก่อนด้วย แล้วก็หลับจิตเป็นฌานก็หลับ เขาถือว่าจิตทรงเนในด้านของนิพพานเรียกว่า อุปสมานุสสติกรรมฐาน ถ้าตายเวลาหลับจะไปนิพพานทันที

ถ้ามันไม่ตาย มันตื่น ก่อนจะขยับตัวไปไหน ก่อนจะหลับจิตเราเป็นฌาน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วฌานยังไม่คลายตัว ยังทรงอยู่ ก็เริ่มจับลมหายใจเข้าออกใหม่ภาวนาใหม่แค่ ๒-๓ ครั้งก็ตาม เพียงแค่นี้ทำทุกวัน ทุกคนเวลาจะตายจะไม่นึกถึง อกุศล จะนึกเฉพาะ กุศล อย่างเดียว
ถ้าทำอย่างนี้ทุกวัน ทำแบบคนขี้เกียจนะ ฉันมันคนขี้เกียจก็เลยสอนให้ลูกศิษย์เป็นคนขี้เกียจด้วย ถ้าทำอย่างนี้ทุกวันถ้าเราป่วยหนักขนาดไหนก็ตามถ้ายังไม่เห็นเทวดา ไม่เห็นนางฟ้า ไม่เห็นพรหม ไม่เห็นพระอริยเจ้า ไม่เห็นพระพุทธเจ้า ยังไม่ตาย ถ้าขณะป่วยถึงแม้มันจะไม่หนัก เห็นเทวดาเห็นนางฟ้าเต็มจักรวาล เห็นพรหม เห็นพระอริยเจ้า เห็นรพพุทธเจ้า คราวนั้นตายแน่

ถ้าก่อนตายทุกขเวทนาหนัก ปวดเสียด แต่ก่อนจะตายจริงสักอย่างน้อยที่สุด ๒๐นาที หรืออาจจะ ๒ - ๓ วันก็ได้นะ จิตที่มีทุกขเวทนามันจะหายไป จิตจะจับที่เทวดา ที่นางห้า ที่พรหม ที่พระอริยเจ้า มีความเพลิดเพลินคุยกับท่านแบบสบาย ๆ และในที่สุดจิตก็ดับ ก็ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก ไปนิพพานได้ตามชอบใจ


ก่อนจะหลับให้ภาวนาว่า "พุทโธ" สัก ๒ -๓ ครั้ง แล้วภาวนาว่า

"นิพพานัง สุขัง" ไปจนกว่าจะหลับ เมื่อเวลาตื่นขึ้นมาใหม่ๆ ให้ภาวนาว่า

"นิพพานัง สุขัง" สัก ๒-ภ ครั้ง อย่างนี้ทุกคืน จะไปนิพพานได้ในชาตินี้ ใครภาวนา "นิพพานัง สุขัง " ไม่ได้ ให้ภาวนาว่า "พุทโธ" อย่างน้อยที่สุดตายจากชาตินี้แล้วไปสวรรค์





จากหนังสือ "พ่อสอนลูก"

0 ความคิดเห็น:

พระคาถา คงกระพันชาตรี, สมเด็จพระพุทธกัสสป, พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

คาถาคงกระพันชาตรี

พุทธังคงหนัง ธัมมังคงเนื้อ สังฆังคงกระดูก

หลวงพ่อให้แก่ทหารนาวิกโยธิน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี คราวไปเยี่ยมเยียนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙

***********************************
พระคาถาของสมเด็จพระพุทธกัสสป

หลวง พ่อบอกคาถาบทนี้ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๒๐ คาถาบทนี้ ท้าว เวสสุวัณ มาให้ ท่านบอกว่าให้สวดมนต์ไว้ทุกคืน ก่อนอื่นให้ระลึกถึงบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ อันมี สมเด็จ พระพุทธกัสสป ทรงเป็นประธาน เพราะท่านเป็นเจ้าของพระคาถานี้

พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ ศัตรูทั้งหลาย จงวินาศสันติ
พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ โรคภัยทั้งหลาย จงวินาศสันติ

บทในบรรทัดที่ ๒ นี้รักษาโรค ท่านบอกว่าเสกน้ำให้กิน เสกอะไรให้กิน เสกข้าวให้กินก็ได้นะ แม้แต่ยาพิษมันก็สลายตัว

***********************************

อีกบทหนึ่งของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ

ทั้ง ๓ บทนี้ ท่านให้สวดพร้อมกันเลย เวลาฉันข้าวก็เสก กลางคืนก็ให้ภาวนาไว้นะ ภาวนาไว้สักครู่ เช้าเย็นอะไรนี่นะ ท่านบอกว่าศัตรูจะพินาศไปเอง
สำหรับบทหลังศัตรูทำอะไรไม่ได้ จะทำอะไรแล้วเราจะต้องรู้อยู่เสมอ
บท กลางนะทำลายโรค ไอ้ทำลายโรคนี่ดีใช่ไหม เสกข้าวนะ ข้าวที่เราจะฉัน เสกซะหมด และคนอื่นกินก็เป็นยาไปหมด ให้เป็นยาสำหรับคนอื่นด้วยนะ ดีไหม ถ้าเห็นว่าดี ถ้าคุณจะให้ศึกษานี่นะ ถ้าจะใช้รักษาโรค คุณจะต้องหาดอกบัวมา ๓ ดอก ธูป ๕ ดอก เทียน ๑ เล่ม บูชาขอท่านต่อพระพุทธรูป

ถ้า ใครต้องการจะให้เรารักษา ต้องบังคับให้เขาเอาดอกบัวมา ๓ ดอกนะ ธูป ๕ เทียน ๑ เล่ม เสกน้ำมนต์ เสกอะไรๆ ให้กินได้ นั่งทำก็ได้ นอนก็ได้ ภาวนาให้เป็นฌาน เป็นฌานในกรรมฐานภายในตัวเสร็จ อย่าลืมนะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เกาะก็ได้ผลเท่ากันเป็นฌาน


คาถาเสกน้ำล้างหน้าเพื่อเห็นอมนุษย์
ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่า "พุทธาโมยะ นะ"

เมื่อเสกน้ำล้างหน้าแล้ว ท่านให้นั่งภาวนาคาถาว่า ดังนี้
อะสูญ มะสูญ สูญทิพย์สูญ อะพุทธัง ปัจจักขามิ เตติปิภาวัง อุทาสะ โกติมัง ทาเรจะ
อะสูญ มะสูญ สูญทิพย์สูญ อะธัมมัง ปัจจักขามิ เตติปิภาวัง อุทาสะ โกติมัง ทาเรจะ
อะสูญ มะสูญ สูญทิพย์สูญ อะสังฆัง ปัจจักขามิ เตติปิภาวัง อุทาสะ โกติมัง ทาเรจะ
ต้อง อธิษฐานขอเห็นก่อนว่าจะพบใคร แล้วจึงจะภาวนา จนจิตถึงอุปจารสมาธิ จึงจะเห็นภาพได้ ท่านให้ไว้เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ (ท่านให้ก่อนที่จะมีการฝึกสอนวิชามโนมยิทธิ ปัจจุบันได้มโนมยิทธิกันแล้ว จึงไม่ได้ใช้คาถากันอีกเลย)

0 ความคิดเห็น:

เมื่อรู้สึกว่าแฟนห่างเหิน นี้สิ่งที่ไม่ควรทำ!!

ทำยังไงครับ เมื่อแฟนของเรา ทำตัวเหินห่าง ห่างเหินจน เราคิดว่าเขาไม่รักเราแล้ว ถึงแม้เราจะรู้สึกอย่างนั้น เราก็ไม่ควร จะคิดอะไรไปเองนะครับ บางทีเค้าอาจจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขามาก หรือกำลังทำในสิ่งที่เขารักอยู่้ เขาอาจจะหลงๆ ลืมๆ เราไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรให้เราลอง พุดคุยกับเขา ถามเขาตรงๆ เลยนะครับ


และนี้คือสิ่งที่ไม่ควรทำ เวลามีช่องว่างระหว่างกันผมคิดได้ 2ข้อ
1. การคนที่มาทนแทน เช่นการไปมีกิ๊ก
2. การคิดไปเอง น้้อยใจ เงียบ ไม่พูด ไม่ถามแฟนตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น


จากข้อที่ 1 ที่สำคัญ ถ้าไปมีอะไรกับกิ๊ก แล้วแฟนรู้ แล้วเราอ้างว่าคุณไม่มีเวลาให้ มันมีช่องว่างระหว่้างเรา ทำให้ฉันสับสน

แฟนคุณ เลิกกับคุณแน่นอน เพราะอย่างที่บอก คุณไม่ยอมพุดคุยกับเขาว่าเกิดอะไรขึ้น มัวแต่คิดไปเอง บางทีแฟนคุณอาจจะกำลังทำอะไรเพื่อคุณอยู่ก็ได้ เช่นการทำงานสร้างอนาคต การเลื่อนตำแหน่ง ทุ่มเทให้งาน อะไรเป็นต้น

เป็นผมผมก็เลิก เพราะผมทำทุกอย่างอะไรทุกอย่างเพื่อคุณ แต่คุณกลับคิดว่า ผมเหินห่างไม่มีเวลาให้ แล้วคุณก็ไปมีอะไรกับคนอื่น ผมจะเสียใจมากๆ เลิกแน่นอนครับ

0 ความคิดเห็น:

เลิกกับแฟนแล้ว เป็นเพือนกันได้ไหม ??

เลิกกับแฟนแล้ว เป็นเพือนกันได้ไหม ?? ประเดนสำหรับวันนี้ครับ

ในมุมมองหลายๆ คน อาจจะคิดว่าเลิกกับแฟนแล้วก็ไปเป็นเพื่อนกันได้ แต่สำหรับบางคน ก็คงบอกว่าไม่ได้เด็ดขาด!! ยังไงกัน ตกลงสรุปแล้ว ควรหรือไม่ควร!!??

ยังไงกันครับ ตกลง ยังไงดี!! ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเป็นแฟนกันแล้วกลับไปเป็นเพื่อน ในทางทฤษฏีแล้วมันก็น่าจะได้นะครับ น่าจะ!! แต่ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเกิดเราไปมีแฟนใหม่หละครับ แล้ววันหนึ่งเราก็ยังติดต่อ แฟนเก่าของเราอยู่ในฐานะเพื่อน!! ก็คุยกันบ้างอะไรเล็กน้อย เล็กน้อย!!.. คุยกันตามปกติของคนรู้จักคือบังเอินเจอกัน!! ไม่ใช่โทรหากันนะครับ!!

ก็ถามเป็นไงบ้าง งานเป็นยังไง ทำอะไรอยู่ หรือ เรียนที่ไหน แบบนี้ได้ครับ แต่ถ้า โทรหากัน ถามเรื่องพวกนี้ แหงแหละครับ ไม่ใช่คุยกันแค่นั้นแน่นอน ใช่ไหมครับ??

แล้วแฟนของเราคนปัจจุบันรู้อ่ะครับ ว่าเราก็ยังคุย ยังติดต่อกับแฟนเก่าเราปกติ เพราะก็เลิกกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันได้

เพื่อนๆ ทำใจได้เหรอครับที่แฟนเราก็ยังคุยกับแฟนเก่าอยู่ ถึงแม้จะนานๆครั้งหรือนานๆทีก็ตาม ผมคิดว่ามันไม่สมควรเลยนะครับ ถ้าคุณรักแฟนปัจจุบันของคุณจริง คุณก็ต้องไม่ทำอะไรที่ทำให้แฟนคุณลำบากใจ หรือ ไม่สบายใจ เช่นการคุยกับแฟนเก่า สำคัญมากครับผมว่า ไม่มีใครรับบได้หรอกครับ ว่าเนี่ย เขาก็แค่เพื่อนกัน คุยกันตามปกติ แต่ก็เคยเป็นแฟนเก่ากันมาอ่ะครับ ก็เคยเป็นแฟนเก่าอ่ะ!! จะคุยกันอีกทำไมอ่ะ จะอยากรู้สาระทุกข์สุขดิบกันทำไม ในเมื่อคุณมีผมดูแลอยู่แล้ว จะให้มันกลับมาดูแลไหมหละ!!??

แล้วถามว่าแฟนเก่า แล้วคุยไม่ได้เหรอ เออ อ่าว!! แล้วมึงจะคุยอะไรกับแฟนเก่าอีกหละครับ คุยแล้วกูไม่สบายใจอ่ะ พอใจไหมครับ เพื่อนก็ควรจะหลีกเลี่ยงนะครับ คนเคยเป็นแฟนกันอ่ะ เพื่อนๆ เข้าใจป่ะ

ห้ามคุยเลยเด็ดขาดครับ ยิ่งในโทรศัพท์ ถ้าบังเอินเจอกัน มันก็เป็นเรื่องบังเอิน ทัก เล็กน้อย แล้วแยกย้ายก้ไม่ว่ากัน เพราะคุณไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องติดต่อกับแฟนเก่า แต่หลายๆ คน ก้อาจจะมีหลายๆ ปัจจัย ที่จะต้องเจอแฟนเก่าอยู่เสมอๆ เพราะงาน เพราะเรียนหรืออะไรก็แล้วแต่ครับ

ถามว่า มากไปไหม กับการที่ไม่ควรคุยกับแฟนเก่าเลย ห้ามคุยกับแฟนเก่า?? สำคัญมากเลยครับ มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ หรือใครคิดเห็นขัดแย้งกับผม ยังยืนกรานว่าเลิกกับแฟนก็ยังเป็นเพื่อนกันได้

ช่วยแสดงความคิดเห็นเลยนะครับ เพราะอะไรถึงยังเป็นเพื่อนกันได้ครับ?? มีความจำเป็นอะไร??

0 ความคิดเห็น:

พุทธทำนาย พระสุบินนิมิต 16 ประการ ของพระเจ้าปเสนทิโกศล

สุบินนิมิตข้อที่ 1 : ภัยธรรมชาติ

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นโคล่ำสัน 4 ตัว วิ่งมาจากทิศทั้ง 4 มีลักษณะอาการเกรี้ยวกราด ประดุจจะชนกัน ด้วยความโกรธแค้นกันมานาน พอโคทั้ง 4 วิ่งเข้ามาใกล้กันแล้ว กลับถอยห่างออกจากกันไป ไม่ชนกันเลย
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคต ต่อไปในภายภาคหน้าโน้น จะเกิดภัยธรรมชาติขึ้น คือ ฟ้าฝนจะไม่ตกต้องตามฤดูกาล จะมีก้อนเมฆขนาดใหญ่ลอยมาจากทิศทั้ง 4 เหมือนกับฟ้าฝนจะตกลงมาในพื้นปฐพีอย่างหนัก เมื่อก้อนเมฆทั้ง 4 ลอยเข้ามาใกล้กันแล้ว ก็ลอยถอยห่างออกจากกันไป ไม่มีฝนตกลงมาในพื้นปฐพีเลย

สุบินนิมิตข้อที่ 2 : เยาวชนมั่วสุมเสพกาม
พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นต้นไม้นานาชนิด ยังไม่ใหญ่โตพอที่จะมีดอกมีผล แต่ต้นไม้นั้นเต็มไปด้วยดอกและผล จนกิ่งก้านสาขาจะรอรับดอกผลนั้นไม่ไหว
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น กุมารีที่มีวัยยังไม่สมควรจะมีสามี แต่กุมารีนั้นอยากแต่งงานให้เป็นครอบครัว เพราะมีความกระสัน ใฝ่ฝันในราคะตัณหา ใจมีความกำเริบในกามคุณ มีความยินดีใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นอย่างมาก มีความอยากในกามารมณ์แห่งความรักความใคร่ จึงได้แต่งงานกันเมื่ออายุยังวัยเด็ก ถูกต้องตามประเพณีนิยม บางคนมั่วสุมกัน ไม่มีความละอาย เยี่ยงสัตว์ดิรัจฉาน เมื่อตั้งครรภ์ขึ้นมา ก็หาวิธีฆ่าลูกในท้องของตัวเอง จึงเป็นบาปกรรมต่อไปในภายภาคหน้ายิ่งนัก เด็กบางคน ยังมีพ่อแม่เลี้ยงดูอยู่บ้าง เด็กบางคนพ่อแม่เลี้ยงดูไม่ไหว จึงได้ปล่อยปละละเลยให้หาขอทานกินตามลำพัง เป็นเด็กเร่ร่อนจรจัด ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีตระกูล ไม่มีการศึกษา ไม่มีที่พึ่งพาอาศัยในบ้านเรือน ค่ำที่ไหนนอนที่นั่น อดบ้าง อิ่มบ้าง น่าเวทนายิ่งนัก เหตุการณ์อย่างนี้ จะมีในภายภาคหน้าโน้นใครได้ไปเกิดในยุคนั้น สมัยนั้น ก็จะต้องเจอเหตุการณ์อย่างนี้แล

สุบินนิมิตข้อที่ 3 : พ่อแม่ต้องเอาใจลูก

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิต เห็นฝูงพ่อแม่โคทั้งหลายพากันดูดกิน นมลูกของตัวเอง
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น พ่อแม่ทั้งหลาย จะได้อาศัยกินหยาดเหงื่อแรงงานของลูก อาศัยข้าวปลาอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ที่ลูกแสวงหามาเลี้ยงดู พร้อมทั้งเงินทอง ก็ต้องแบ่งปันให้พ่อแม่ได้จับจ่ายใช้สอย ในยุคนั้นสมัยนั้น พ่อแม่ก็ต้องเอาอกเอาใจลูกยิ่งนัก ต้องประจบประแจงปะเหลาะลูกอยู่เสมอ ถ้าพูดต่อลูกดีๆ ลูกก็แบ่งปันเงินทองให้ได้ใช้บ้าง ถ้าพ่อแม่พูดไม่ดี ก็จะไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรจากลูกนี้เลย เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น

สุบินนิมิตข้อที่ 4 : ผู้อ่อนประสพการณ์บริหารประเทศ
พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นฝูงคนทั้งหลายพากันจับลูกโคตัวเล็กๆ เข้ามาเทียมแอกเพื่อลากล้อเกวียน เมื่อลากไปไม่ไหว ก็จะพากันเฆี่ยนตี
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนทั้งหลายจะพากันนิยมเอาเด็กที่จบปริญญามาใหม่ๆ ไปรับราชการแผ่นดิน บริหารการพัฒนาประเทศชาติ บ้านเมือง อันเป็นงานที่หนัก ถึงจะมีความรู้อยู่ก็ตาม แต่เด็กนั้นยังขาดประสบการณ์ ขาดความสามารถ ขาดความรอบรู้ ขาดความรอบคอบ ในการบริหารเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม จึงเกิดความผิดพลาด ล่าช้า ไม่ทันต่อเหตุการณ์ ขาดความรับผิดชอบ ขาดดุลการค้า ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทำให้ถ่วงความเจริญของประเทศชาติ ทำให้คนดุด่าว่ากล่าวนานาประการ เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น

สุบินนิมิตข้อที่ 5 : ความไม่เป็นธรรมในการตัดสินความ
พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นม้าตัวเดียว หัวเดียว มีสองปาก กินหญ้าได้สองทาง กินเท่าไรก็ไม่มีความอิ่มพอ
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนผู้มีหน้าที่ตัดสินคดีความต่างๆ จะใช้อุบายวิธีอันมีเล่ห์เหลี่ยม เพื่อเอาเงินจากคู่กรณีทั้งสอง เอาทั้งฝ่ายโจทก์ เอาทั้งฝ่ายจำเลย เพื่อเป็นค่าจ้างรางวัลในการวินิจฉัยคดีความบ้าง เอาค่านั้นบ้าง เอาค่านี้บ้าง ถ้าไม่ได้ตามความเรียกร้อง ก็จะไม่รับเรื่องที่มาร้องเรียน ต้องการเท่าไรก็เรียกร้องตามใจชอบ ถ้าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เรียกร้องเอาน้อย ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ก็จะเรียกร้องเอาเงินอย่างเต็มที่ แล้วจึงจะมาวินิจฉัยคดี ตัดสินต่อไป เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีภายภาคหน้าทั่วโลก

สุบินนิมิตข้อที่ 6 : พระธรรมคำสอนถูกเหยียบย่ำ
พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นมีหมู่มนุษย์ ถือถาดทองคำอันมีค่ามหาศาล ไปวางไว้สุนัขจิ้งจอกถ่ายอุจจาระถ่ายปัสสาวะใส่
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น กลุ่มคนที่โง่เขลาปัญญาทราม จะเอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ไปให้ลัทธิต่างๆ เหยียบย่ำทำลาย แล้วถ่ายทอดลัทธิของเขา เอาคำสอนของเขาที่สกปรกโสโครกด้วยกิเลสตัณหา มากลบเกลื่อนในคำสอนของเรา แล้วดัดแปลงแก้ไขคำสอนของเรา ให้เข้ากันกับลัทธิของเขา แล้วประกาศว่า คำสอนของเราตถาคต เป็นส่วนหนึ่งในลัทธิของเขา ให้คนทั้งหลายมีความเข้าใจผิดว่า คำสอนของเราเข้ากันได้กับของเขา ถือว่าเป็นอันเดียวกัน ลัทธิเหล่านั้นก็จะไม่รู้คุณค่าของคำสอนของเราตถาคตแต่อย่างใด มนุษย์อย่างนี้ก็จะมีในเมื่อเราตถาคตนิพพานไปแล้ว และจะมีลัทธิต่างๆ มาอวดอ้างว่าเป็นศาสนาเป็นจำนวนมาก

สุบินนิมิตข้อที่ 7 : ผู้มีใจต่ำแอบอ้างสถาบันกษัตริย์
พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นชายคนหนึ่ง เอาหนังสือมานั่งฟั่นให้เป็นเชือก อยู่บนม้านั่ง แล้วมีสุนัขจิ้งจอกคอยกัดกินอยู่ เมื่อฟั่นเชือกเสร็จ สุนัขจิ้งจอกก็กินหมดทันที
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนผู้มีจิตใจต่ำ ปัญญาทราม จะได้รับสมมุติ ยกย่องขึ้นเป็นผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ นั่งทำงานอยู่ในพระราชสำนักระดับสูง อาศัยอำนาจ พระบารมีของพระมหากษัตริย์ ว่าราชการแผ่นดินแทนพระองค์อยู่เนืองนิตย์ โดยมีความโง่เขลาเบาปัญญา พูดจาขาดความสำรวม กล่าวเปิดเผยความลับต่างๆ ในพระราชสำนัก ให้หมู่ประชาชนได้รู้ คนลัทธิต่างๆ ที่ไม่มีความหวังดีต่อพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว ได้ยินเข้า จึงนำเอาไปตีแผ่ โฆษณาให้คนอื่นคลายศรัทธา หมดความเคารพในวงศ์พระมหากษัตริย์ และหมดความเชื่อถือในพระราชวงศ์ต่อไป เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้นคนที่ไม่มีความหวังดีต่อพระมหากษัตริย์ จะเป็นหนอนบ่อนไส้เสียเอง

สุบินนิมิตข้อที่ 8 : ทำบุญเลือกหน้า

พระ เจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นโอ่งน้ำใหญ่และโอ่งน้ำเล็กตั้งอยู่ในที่แห่งเดียวกัน แล้มีทคนทั้งหลาย แย่งกันตักน้ำ เทใส่โอ่งน้ำใหญ่ จนล้นเหลือ ส่วนโอ่งน้ำเล็ก ไม่มีใครตักน้ำใส่เลย
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น จะมีคนทำบุญโดยเลือกหน้า พระองค์ที่มีอายุมาก พรรษามาก มียศถาบรรดาศักดิ์ในตำแหน่งต่างๆ จะมีคนให้ความสนใจจะพากันถวายเครื่องไทยทานเป็นจำนวนมาก ล้วนแล้วแต่ของที่ดีๆ มีค่า มีราคา ข้าวปลาอาหาร ปิ่นโตเถาขนาดใหญ่ ตั้งต่อหน้า จนเหลือเฟือ ส่วนพระเล็กเณรน้อยนั่งอยู่รอบข้าง ไม่มีใครคิดถวายอะไรเลย มีแต่งนั่งดูตาปริบๆ เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น


สุบินนิมิตข้อที่ 9 : คอรัปชั่นในแผ่นดิน

พระ เจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นสระน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำรอบนอกใส่สะอาดเยือกเย็น ส่วนน้ำในกลางสระขุ่นข้นเป็นโคลนตม แล้วมีสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย พากันแย่งชิงกินน้ำในสระที่ขุ่นข้นเป็นตมนั้น ส่วนน้ำรอบนอกที่ใสสะอาดเยือกเย็น ไม่มีสัตว์ตัวใดอยากจะกินเลย
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนจะมีความโลภ ความอยาก ไม่อิ่มพอในเงินทองมากขึ้น การงานที่สะอาด บริสุทธิ์ และสุจริต ไม่อยากทำ ถือว่า เงินเดือนน้อย ร่ำรวยช้า ไม่พอกับความโลภความอยากของตัวเอง จึงได้ลงสมัครตัวเข้ามาในสภาสันนิบาต เพื่อจะมีอำนาจในการบริหารงานและบริหารเงินของแผ่นดินได้อย่างเต็มที่ ใช้อุบายวิธี อันมีเล่ห์เหลี่ยม ทุจริต คิดมิชอบ ในเงินของแผ่นดิน มือใครยาว สาวได้สาวเอา จะได้เงินมาด้วยวิธีสกปรกอย่างไร จะไม่มีความละอายแก่ใจตัวเองเลย ขอให้ได้เงินก้อนโตมา ก็เป็นที่พอใจ ลักษณะนี้จะมีกันทั่วโลก มีทั่วทุกประเทศเขตแดน และจะเพิ่มความรุนแรงขึ้น จะเกิดความยุ่งเหยิงในสภาสันนิบาตของประเทศนั้นๆ เพราะการแบ่งสันตำแหน่งในการดูดกินเงินภายในประเทศนั้น ไม่ลงตัว ผู้นั้นจะได้กินน้อย ผู้นั้นจะได้กินมาก ผู้นั้นจะไม่ได้กินอะไรเลย สุดท้ายก็เกิดงัดข้อกันเอง เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น



สุบินนิมิตข้อที่ 10 : สงสัยในมรรคผลนิพพาน

พระ เจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นหม้อหุงข้าวหม้อเดียวมีความแตกต่างกัน ข้าวในหม้อซีกหนึ่งสุก ซีกหนึ่งดิบๆ สุกๆ อีกซีกหนึ่งข้าวไม่สุกเลย
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนในโลกนี้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป กลุ่มหนึ่งจะมีความเชื่อว่า เราตถาคตเป็นที่พึ่งที่เคารพจริง พระธรรมคำสอนของเราตถาคตเป็นสวากขาตธรรม เมื่อนำไปปฏิบัติให้ถึงที่สุดแล้วจะพ้นจากทุกข์ได้จริง เชื่อว่ามีมรรคผลนิพพานจริง นรกสวรรค์มีจริง กรรมดีกรรมชั่วให้ผลแก่บุคคลที่กระทำจริง ตายแล้วเมื่อยังมีกิเลสตัณหาอยู่เชื่อว่าได้มาเกิดใหม่ อีกกลุ่มหนึ่งยังไม่แน่ใจว่า มรรคผลนิพพานในยุคนี้ สมัยนี้ มีจริงหรือไม่ เพราะพระพุทธศาสนาได้ล่วงเลยไปนาน พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า มีความสมบูรณ์อยู่หรือไม่ พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ในยุคนี้มีจริงหรือไม่ มีแต่ความสงสัยลังเล ไม่แน่ใจ อีกกลุ่มหนึ่งปฏิเสธว่า มรรคผลนิพพานไม่มีนรกสวรรค์ไม่มี ทำดี ทำชั่วไม่ให้ผลในภายหน้าชาติหน้า ตายแล้วไม่ได้เกิดใหม่แต่อย่างใด ในช่วงปลายพุทธศาสนาโน้น คนจะเกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิดมากขึ้นๆ ดังนี้



สุบินนิมิตข้อที่ 11 : นำพระธรรมมาขายกิน

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นคนพวกหนึ่ง เอาแก่นจันทร์แดงที่มีค่าราคาแพง ไปแลกกับนมเปรี้ยวหม้อเดียว ซึ่งไม่สมค่าราคากันเลย
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนพวกหนึ่ง จะเอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา จะเขียนเป็นตำราเพื่อออกจำหน่าย ขายกิน หารายได้เพื่อเลี้ยงชีวิต เอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ทำเป็นการแสดง แต่งกลอน เพื่อผลประโยชน์ในกัณฑ์เทศน์ แสดงธรรมเพื่อเห็นแก่ค่าจ้างรางวัล อันเป็นอามิส ไม่สมค่าราคากันเลย สิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในช่วงปลายศาสนาของเราตถาคตโน้น



สุบินนิมิตข้อที่ 12 : คนดีถูกขัดขวางรังแก

พระ เจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นน้ำเต้าแห้งเปล่ากลวงใน ตามธรรมดาแล้วจะลอยอยู่บนน้ำ แต่น้ำเต้าเปล่านั้น กลับดิ่งจมลงในน้ำนั้นเสีย
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนดี มีความรู้ดี มีสติปัญญาดี มีความรอบรู้ มีความฉลาด มีความสามารถ มีทั้งพระและฆราวาส จะไม่ได้รับความยกย่องเชิดชูในสังคม จะถูกขัดขวางจากกลุ่มคนพาลสันดานชั่วอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นฆราวาส ก็ไม่มีโอกาสได้ทำงานในการบริหารแระเทศชาติบ้านเมือง คนมีความรู้ความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีโอกาสได้รับเลือกตั้งเข้ามาในสภาสันนิบาต หรือได้รับเลือกเข้ามาแล้ว ก็ไม่มีโอกาสได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ จะมีกลุ่มทุจริตคิดมิชอบ เพื่อหวังผลประโยชน์ต่างๆ เบียดสีให้ตกเก้าอี้ไป ในสายตาของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ จะมองเห็นคนดีๆ ว่าเป็นตัวกาลกิณีของเขา ไม่ยอมที่จะให้เข้าไปรู้เห็นในความทุจริตคิดมิชอบของตน คนดีๆ จึงไม่มีในสังคมนี้เลย ถ้าเป็นนักบวช ก็เป็นในลักษณะนี้เช่นกันท่านองค์ใดมีใจบริสุทธิ์ผุดผ่องในพระธรรมวินัย มีความรู้ดี ปฏิบัติชอบต่อมรรคผลนิพพาน ท่านเหล่านั้นจะไม่มีใครให้ความสนใจ ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากฟังธรรม จะมองเห็นว่าเป็นพระคร่ำครึล้าสมัยไม่เกิดศรัทธา ไม่อยู่ในสายตาของเขาแต่อย่างใด เพราะใจไม่มีความเคารพเชื่อถือในท่านเหล่านั้น แม้แต่จะแบ่งปันปัจจัยทั้งสี่ ที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือ ก็ไม่เต็มใจ ถึงจะถวายให้ ก็นิดหน่อยพอเป็นพิธีเท่านั้น ท่านเหล่านี้จึงมีชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก ใครก็ไม่อยากบวชเป็นพระในลักษณะนี้ ในที่สุด พระดีๆ มีคุณธรรม ก็จะค่อยหมดไปๆ ในศาสนาของเราตถาคต เรื่องเหล่านี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น



สุบินนิมิตข้อที่ 13 : คนชั่วเรืองอำนาจ

พระ เจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นก้อนศิลาแท่งทึบ ขนาดใหญ่เท่าเรือ ลอยอยู่บนผิวน้ำเหมือนกับเรือสำเภาเปล่า ตามธรรมดาแล้ว ก้อนศิลาย่อมจมอยู่ใต้น้ำ แต่ก้อนศิลานั้นกลับลอยอยู่บนผิวน้ำ
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนพาลสันดานชั่ว คนทุศีล คนทุธรรม คนขี้โกง คนหัวประจบสอพลอ คนทุจริตคิดมิชอบ คนไม่มีความละอาย จะได้เป็นที่ยกย่องเชิดชูในสังคม เป็นผู้มีบทบาท มีอำนาจ มีชื่อเสียงเกียรติยศ มีพวกพ้องบริวารมาก ถ้าเป็นฆราวาสก็จะมีแต่ผู้เชิดหน้าชูตา ไปไหนมาไหนมีแต่คนเคารพยำเกรง มีฝูงชนให้การต้อนรับเอาใจ เรียกว่าเป็นกระจกบานใหญ่ ให้แสงสะท้อนเงาของประเทศนั้นๆ สังคมของประเทศนั้นมีความเจริญหรือเสื่อมลง ก็ให้ดูกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในสภา จะเป็นสื่อบอกประตู้หน้าต่างของสังคมได้เป็นอย่างดี ประเทศใดมีตัวแทนในลักษณะใด จะรู้ได้ว่าผู้ที่เลือกเขาเข้ามา ก็เป็นลักษณะอย่างนั้น เขาจะเลือกเอาเกรดเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน ถ้าเป็นนักบวช นักพรต ก็เป็นลักษณะนี้ศาสนาจะมีความเจริญขึ้นหรือเสื่อมลง ก็ขึ้นอยู่กับบริษัททั้งสี่ ลำพังพระอย่างเดียว จะโดดเด่นขึ้นในท่ามกลางของสังคมนั้นไม่ได้ พระที่จะมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็เพราะญาติโยมนำไปออกข่าวโฆษณา ว่าองค์นั้นมีความขลังอย่างนั้น องค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ มีอภินิหาร ไปทางไหนก็นำไปออกข่าว องค์ไหนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ องค์ไหนเป็นพระอริยเจ้า ฆราวาสจะเป็นผู้คาดการณ์ให้เอง ในยุคสมัยนั้น พระอรหันต์จะเกิดจากลูกศิษย์ยกให้เอง ศิษย์แต่ละครู ศิษย์แต่ละสำนัก จะผลิตจะกำหนดรูปแบบอาจารย์ของตัวเอง ให้เป็นพระอรหันต์ขึ้น เรื่องข้อวัตรปฏิบัติของอาจารย์ มีความเคร่งครัดอย่างไร ก็นำไปโฆษณาอย่างหยดย้อย นี่เองก้อนศิลาแท่งทึงจึงได้ลอยอยู่บนผิวน้ำมีความโดดเด่นเห็นได้อย่าง ชัดเจน จึงเป็นธุรกิจในคราบผ้ากาสาวพัสตร์บังหน้า เอาศาสนามาแอบอ้างหากิน เมื่อช่วงปลายศาสนาโน้น คนจะหมดความเลื่อมใสในศาสนาของเราตถาคต คนที่มีศรัทธาเบาบางก็จะค่อยจืดจางไป เพราะเห็นความชั่วร้ายในพระยุคนั้นๆ ผู้ที่มีปัญญาดี มีความมั่นคง มีเหตุมีผล เขาจะแสวงหาพระที่เป็นพระได้อย่างถูกต้อง เมื่อปลายศาสนาโน้น เรื่องอย่างนี้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน



สุบินนิมิตข้อที่ 14 : นักบวชหลงลาภยศ

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นนางเขียดน้อยไล่กินงูเห่าตัวมหึมา เมื่อไล่ทันก็กระโดดคาบกลืนกินทันที
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น นักบวชองค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีคำพูดเป็นวาทศิลป์ เคยแผ่พังพานในการแสดงธรรม มีบทบาทในสังคม มีประชาชนให้ความเคารพเชื่อถือเป็นอย่างมาก ได้รับลาภ ยศ สรรเสริญจนลืมตัว ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา รักษาใจไม่มีความฉลาด จึงขาดในการสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ปล่อยให้ไปสัมผัสในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จึงทำให้ใจเกิดอัฏฐารมณ์ คือ อารมณ์แห่งความรักความใคร่ในกามคุณ มีความกำหนัดย้อมใจ นางเขียดน้อย (สตรี) ได้มองเห็นช่องโหว่ จึงได้วางแผนหว่านล้อมด้วยมารยานานาประการ มีคำหวานอันหยดย้อยเหมือนน้ำอ้อยน้ำตาล ชโลมหัวใจงูเห่าจนหน้ามือตาลาย หายใจไม่เต็มปอดอีนางเขียดน้อยได้จังหวะก็กระโดดคาบกลืนกินทันทีเรียบร้อยไป


สุบินนิมิตข้อที่ 15 : แวดล้อมด้วยพระทุศีล

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นหงส์สีทองทั้งหลาย ไปห้อมล้อมอีกา อีกาไปไหน ฝูงหงส์สีทองทั้งหลาย ก็ห้อมล้อมเป็นบริวาร
พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น พระเณรผู้บวชใหม่ ใจยังมีความบริสุทธิ์อยู่ในศีลในธรรม จะห้อมล้อมพระที่ทุศีลทุธรรม จะยกให้เป็นครูอาจารย์เพื่อเคารพกราบไหว้อย่างเหลือเฟือ อีกาฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมในการหาอาหารฉันใด พระทุศีลทุธรรมเหล่านี้ก็ฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมในการหาลาภสักการะได้ฉันนั้น และแบ่งลาภสักการะให้แก่หงส์เล็กหงส์ใหญ่ได้อย่างทั่วถึง ฝูงหงส์ทั้งหลาย จึงให้ความสำคัญในอีกาเป็นอย่างมาก ในยุคต่อไปช่วงปลายศาสนาโน้น การเปลี่ยนไปในสังคมของสมณะก็จะเป็นอย่างนี้ พระที่ทุศีลทุธรรมจะเพิ่มมากขึ้น พระเณรที่ขาดการศึกษา จะไม่รู้ธรรมวินัย ไม่เข้าใจว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อะไรผิดศีล อะไรผิดธรรม จะไม่รู้หน้าที่ของตน เพียงบวชกันตามประเพณีเท่านั้น เหตุการณ์อย่างนี้ ก็จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น


สุบินนิมิตข้อที่ 16 : โค่นล้มราชาธิปไตย

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นฝูงแพะทั้งหลายพากันไล่จับเสือมาเป็นอาหาร พากันเคี้ยวกินอยู่กรอบๆ พระ
พุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น ประชาชนทั้งหลาย ไม่พอใจการปกครองแบบราชาธิปไตย จึงพากันจับกลุ่มเพื่อเรียกร้องต่อต้านการปกครองของพระราชา ให้ได้มาซึ่งการปกครองแบบประชาธิปไตย ให้พระราชลดบทบาท ลดอำนาจลง อยู่ในการปกครองภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน เมื่อพระราชาไม่ยินยอม ก็พากันปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจ ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ถ้าพระราชชาองค์ใดขัดขืน ก็ลบล้างพระมหากษัตริย์ ผู้เป็นประมุขของประเทศนั้นๆ พร้อมด้วยพระราชวงศ์ ให้หมดไปจากประเทศชาตินั้นเสีย มีบางประเทศที่พระราชยินยอมตามคำขอร้องของประชาชน ยอมลงจากอำนาจเดิมคือราชาธิปไตย ประชาราษฎรในบ้านนั้นเมืองนั้น ก็จะพากันให้ความเคารพเชื่อถือในองค์พระมหากษัตริย์ พากันยกย่องเชิดชูในพระราชวงศ์นั้นจนสุดชีวิต เพื่อให้เป็นร่มโพธิร่มไทร เป็นสมมุติเทพ กราบไหว้เทิดทูน ให้เป็นศูนย์รวมน้ำใจของประเทศนั้นๆ ตลอดไปสินกาลนาน เหตุการณ์อย่างนี้ ก็จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น

0 ความคิดเห็น:

จัด ยีนส์ Dior สั่ง Online อีกตัว

555 เอาอีกแล้วครับ คราวนี้เป็น ยีนส์ยี่ห้อ dior จากที่บอกเคยอยากซื้อ imp กับ Cheap monday ก็ยังไม่ได้ซื้อ เพราะแพงเหลือเกิน

วันนี้ก้ได้จัดของก็อบมาอีกตัว พอดีคนทำจะเลิกกิจการแล้วเขาลด 50% ผมเลยจัดมา1ตัว สียีนส์ทรง skinny size27 เอวจริง 30

กับราคา 630 บาท


0 ความคิดเห็น:

ปั่นยีนส์ MC ก็อบ เฟสยีนส์ดิบตัวแรกในชีวิต

หลังจากศึกษามานานครับ กับการเฟส ยีนส์ หรือ ปั่นยีนส์ ให้มันขึ้นริ้วขึ้นลาย ตอนแรกก็อยากจะซื้อพวก ที่เขาฮิตๆ กัน เฟสกันง่ายๆ แต่ราคาแพงเหลือเกิน เช่นพวก Cheap monday, Nudie เป็นต้น ซึ้งสู้ราคาไม่ไหว และตัวที่ผมเอามาโชววันนี้ก็ไม่ใช่ของแท้!! ของปลอมนั้นเอง แรงบรรดานใจมาจาก กรรมกรก่อสร้างและพี่ๆ น้องๆ ที่มหาลัยรามคำแหง ใส่ แรงเลอร์ ริ้วขึ้นกันสวยมาก แต่... MC กระเป๋าหลังมันจ๊าบกว่า ในความคิดผมนะ 555 ลองชมภาพดูครับ ประมาณ 6 - 8 เดือนแล้ว แช่น้ำ 1 ครั้ง



0 ความคิดเห็น:

การใช้ คะ กับ ค่ะ ใครสงสัยบ้าง

"คะ กับ ค่ะ" ใช้อย่างไร (คุณผู้หญิงทั้งหลายควรอ่าน)

สังเกตจากในเว็บบอร์ด โดยเฉพาะใน MThA! ที่เห็นบ่อยและเด่นชัด คือ M Shot (ส่งรูปมาโหวต)
วัยรุ่นสมัยนี้จำนวนมากใช้ คะ กับ ค่ะ ในการเขียนกันไม่ค่อยถูก เหมือนกับไม่รู้ว่าสองคำนี้ใช้อย่างไร หรือใช้ต่างกันอย่างไร

คะ เป็นเสียงตรี หรือเสียงสูง จึงใช้แสดงคำถาม ใช้ในประโยคขอร้อง หรือใช้เรียกผู้อื่นอย่างสุภาพ
เช่น น่ารักมั้ยคะ ว่าไงคะ ช่วยโหวตด้วยนะคะ คุณลุงป.6 คะ ช่วยตอบปัญหา...
(ขออนุญาตคุณลุงป.6 ด้วยค่ะ ที่นำชื่อมาใช้)

ค่ะ เป็นเสียงโท หรือเสียงต่ำ ใช้แสดงความสุภาพ ใช้ในประโยคบอกเล่า
เช่น ช่วยโหวตให้หนูหน่อยค่ะ ได้ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ

ผิดพลาดอย่างไร หากมีคุณครูภาษาไทยท่านใดมาอ่าน ขอความกรุณาช่วยแก้ไขให้ด้วยค่ะ
เพราะไม่ใช่ครูสอนภาษาไทย แต่บอกเล่าจากความเข้าใจที่เคยเรียนมา

ขอบคุณเนื้อหาจาก ee43.com

0 ความคิดเห็น:

คิดถึงอนาคต วางแผนชีวิต

พี่น้องๆ ทั้งหลายเคยคิดถึงอนาคต วางแผนกันบ้างหรือเปล่าครับ ผมเคยนั่งคิดนะครับ ว่าเราจะทำอะไรดี สิ่งที่เรียนอยู่มันจะเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ยังไง ทำงานไปเรื่อยๆ แล้วตอนแก่ทำงานไม่ไหวจะทำยังไง ทำงานอะไรดี ที่มันมั่นคง.. และอีกหลายๆ อย่างครับผม ผมว่านะหลายๆคนก็เคยคิดกันมาบ้างแหละ

บางทีคิดๆ แล้วมันก็เศร้านะครับ แต่้ถ้าเราไม่คิดเลยมันก็จะปล่อยให้วันๆ ผ่านไปโดยไร้่ค่า ไม่มีจุดมุ่งหมาย

ไอเดียผมมีประมาณนี้ครับ คือ เอากระดาษมา 1 แผ่น เขียนไปเลย สิ่งที่เราอยากทำมากที่สุด ลงไปในกระดาษ โดยที่ไม่ต้องสนนะครับว่าจะทำอันไหนก่อนหลัง แค่เขียนลงไปก่อนครับ

สร้างความฝัน และฝันมันไว้ก่อน เมื่อเขียนเสร็จเราก็มาดูครับ อันไหนเราสามารถทำได้เร็วที่สุด ใกล้้ที่สุด และเราก็เริ่มทำมันเลยครับ อย่าให้เสียเวลา จากนั้นทำไปเรื่อยๆ ครับ จนครบทุกข้อ ที่เราเขียนลงไปในกระดาษ บางคนมี 10 ข้อ บางคน มี100ข้ออ ก้ไม่แปลกครับ ตั้งใจทำให้สำเร็จเป็นข้อๆ ไปครับ


สู้ๆ ครับผม

0 ความคิดเห็น: