Maven เป็นเครื่องมือที่ใช้ช่วยเราในการ build project และช่วยหา library ให้เราอัตโนมัติครับเขาเรียกว่า build/project management tool. ที่นี้เป้าหมายหลักที่เราจะใช้งาน Maven นั้นก็คือ
ใช้ Build Project
หา library (Dependency)
จากประสบการณ์ที่ผมเคยใช้ Maven ผมได้ใช้กับ Java และใช้ Eclipse เป็น Editor โดยหลักๆแล้วถ้าเราอยากจะใช้ Maven อย่างน้อยๆเราจำเป็นต้องรู้ว่า pom.xml คืออะไร เพราะในไฟล์ pom.xml นั้นจะเป็นไฟล์ config ของ Maven ครับ
Configuration Maven
ใน pom.xml จะมีรายละเอียดหลักๆ มากมาย ยกตัวอย่าง เช่น
สั่งให้ Maven ไป Build Project ไหนบ้าง(กรณีมีหลายๆโมดูลและแบ่งแต่ละโมดูลออกมาเป็นโปรโจค เราสามารถสั่งให้ build ทีเดียวทุกโปรเจคที่เกี่ยวข้องได้เลย)
สั่งว่าเวลา Build Project เสร็จจะให้เอา war file ที่ build เสร็จไปวางไว้ที่ไหน
สั่งว่าจะให้ไปโหลด library (jar file) มาจากเว็บไหน
Step การหา Library ของ Maven
เมื่อเราทราบแล้วว่า Maven มันจะช่วยในการ Build Project ของเราและมันก็สามารถค้นหา library ให้เราได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งแน่นอนว่าเราจำเป็นต้องใช้ Internet ในการให้ Maven ไปค้นหา jar จาก Central Repository(เว็บหลักของ Meven ที่รวม library) ซึ่งขั้นตอนที่ Maven จะทำการหา library นั้นไม่ได้หมายความว่ามันจะไปดาวโหลดมาใหม่ทุกครั้งที่เรา Build project นะครับ มันจะโหลดแค่ครั้งเดียวมาเก็บลงบนเครื่องเราและถ้ามีเวอร์ชั่นใหม่เท่านั้นมันถึงจะดาว์โหลดให้เราใหม่ครับ แต่เราก็สามารถกำหนดได้นะครับว่าให้มันไม่ต้องดาว์โหลดโดยการ setting offline(คือบังคับให้ใช้แค่ library ที่มีอยู่บนเครื่องเท่านั้น) เอาล่ะครับมาดู Step จริงของมันกันดีกว่าว่ามันเริ่มหาจากที่ไหนก่อน
Local Repository (ค้นหาจากบนเครื่องเรา)
Central Repository (ค้นหาจากเว็บกรณีที่หาใน Local แล้วไม่เจอ)
Remote Repository (ค้นหาจากเว็บที่เรากำหนดไว้บน pom.xml กรณีที่ค้นหาจากทั้งสองข้อด้านบนแล้วไม่เจอ)
ประมาณนี้ครับ ส่วนเรื่องการ config pom.xml ผมไม่ขอลงรายละเอียดนะครับ เพราะความรู้ของผมตอนนี้มีเท่านี้ครับ ขาดตกบกพร่อง เข้าใจอะไรผิดไป ติชม หรือคอมเมนได้เลยนะครับ ผมจะได้ทำการแก้ไขให้ถูกต้อง คนที่เข้ามาอ่านจะได้ไม่เข้าใจไปแบบผิดๆ ถ้ามีโอกาสจะมาอัพเดดเพิ่มเติมนะครับ
สวัสดีครับ วันนี้มีสิ่งดีดีจะมาแนะนะครับ สำหรับคนที่กำลังจะหัดเขียนโปรแกรมนะครับ จะมีเว็บหนึ่งนั้นคือเว็บ codecademy.com เหมือนเขาจะมีสเตปแล้วให้เรา follow ตามวิธีเขาไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมทำตามเขาไปสองเรื่องและครับ มี java scirpt และก็ HTML + CSS สนุกดีครับผม แถมได้ความรู้อีกด้วย ถ้าเพื่อนๆ สนใจก็ลองเข้าไปเล่นได้ครับ มีให้ฝึก JavaScript, HTML/CSS, PHP, Python, Ruby แต่ผมยังเล่นได้ไม่ครบนะครับพึ่งจะลองได้สองภาษาตามที่ผมบอก
สุดท้ายทำตามเสร็จก็ได้เว็บหน้าตาแบบนี้ครับ ฮ่าๆๆๆ
ผ่านมาแล้วประมาณสองสามวันหลังจากที่ได้ไปสัมนาเกี่ยวกับการเล่นหุ้นของบริษัทคนรวยหุ้น หลังจากไปฟังก็ได้รู้อะไรมากขึ้น เลยมาลองจับ forex ดู
เริ่มแรกผมอ่านจากเว็บนี้ 9professionaltrader.blogspot.com ในเว็บนี้มีเนื้อหาเยอะมาก เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากจะศึกษาได้เป็นอย่างดี
เริ่มต้นปัญหาของผม คือผมไม่รู้ว่า volume 0.01 ตอนสั่งเทรดคืออะไร, 1:1000 คืออะไร ตรงนี้ควรหาอ่านให้เคลียร์ๆ นะครับ แนวต้าน แนวรับ ตั้งค่า Stop loss
ลืมบอกไปครับว่าผมสมัครของโบรกเกอร์นี้ >> exness.com << และกำลังทดสอบเทรดโดยใช้เงินปลอมอยู่ โดยเริ่มจาก 100$ แต่ปัจจุบันติดลบอยู่ 5จุด หรือ 50pip นั้นเอง
ต่อไปผมจะพูดถึงเรื่องการดูกราฟ แต่ก่อนจะอ่านตรงนี้ผมว่าควรจะอ่านพื้นฐานจากเว็บไซค์ด้านบนให้หมดก่อน จากนั้นก็สมัครซะให้เรียบร้อยครับผม
ตอนแรกผมใช้เครื่องมือและแนวทางของพี่อ้อที่พี่เขาแชร์ไว้ ที่นี่ แต่ผมหาจังหวะเข้าเทรดไม่ค่อยได้เลย ตอนนี้กำลังจะทดสอบแนวทางใหม่ ที่นี่ โดยเขาจะใช้ Indicator 3 ตัว คือ Fisher, Stochastic และ Commodity Channel Index (CCI) โดยเขาบอกว่าให้ ปรับตามเขาดังนี้
สำหรับ Stoch ให้ตั้งค่าตามนี้ %K period: 6, MA method: Simple ใส่เส้น Level 50 ลงไป นอกนั้นเหมือนเดิม
สำหรับ CCI ให้ตั้งค่าตามนี้ Period: 20, Apply to: Typical Price (HLC/3) ใส่เส้น Level 75 และ -75 ลงไป
สำหรับ Fisher ไม่ต้องปรับอะไรใช้ได้เลย
จะเทรดให้ได้กำไรด้วย Indicator Fisher ต้องทำตามสูตรนี้ถึงจะปลอดภัย
การเทรดด้วยวิธีนี้นั้นจะเป็นการหาจุดกลับของเทรนแล้วเทรด
ซึ่งเป็นหลักทั่วไปของการเทรด ไม่ใช่เทรดตามน้ำจะทำให้หาเป้าหมายไม่เจอ
ถ้าตกรถก็ขอให้รอรถคันใหม่อย่าใจร้อน
จะเปิด Long Position ก็ต่อเมื่อ
1. กราฟแท่งล่าสุดของ Fisher เป็นสีเขียวแล้วเท่านั้น
2. เส้น CCI น้อยกว่า -75
3. เส้นเมนของ Stoch (เส้นสีเขียว) ต้องน้อยกว่า 50 ถ้าเข้าเงื่อนไขดังกล่าว Long ได้เลยไม่มีปัญหา
จะเปิด Short Position ก็ต่อเมื่อ
1. กราฟแท่งล่าสุดของ Fisher เป็นสีแดงแล้วเท่านั้น
2. เส้น CCI มากกว่า 75
3. เส้นเมนของ Stoch (เส้นสีเขียว) ต้องมากกว่า 50 ถ้าเข้าเงื่อนไขดังกล่าว Shot ได้เลยไม่มีปัญหา
เทรดตามเงื่อนไขครับไม่เข้าใจให้ดูรูป สูตรนี้ใช้ได้ผลดีกับทุกค่าเงิน
และเล่นสั้นๆ ดูเฉพาะ time fame 15M 30M และ 1H เท่านั้น โดยดู 1H
เป็นหลักแล้วคอยดูสัญญาณ จาก 15M ขึ้นมาเรื่อยๆ คุณสามารถใช้ Fibonacci
ร่วมเพื่อหาจุด TP ได้ด้วย โดยส่วนตัวผมเล่น GBP/JPY
ถ้าเข้าเงื่อนไขดังกล่าวแล้วล่ะก็ 50 จุดเป็นอย่างต่ำ
แต่ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆเช่น ข่าว ด้วย
แต่จากประสบการณ์ที่ผมเทรดตามเงื่อนไขผมไม่เคยปิดติดลบเลยซักครั้ง
เว้นก็ต่อเมื่อผมใจร้อนผิดวินัย
เข้าในช่วงที่ยังไม่ครบเงื่อนไขนั่นแหละทำให้ผมปิดติดลบ แล้วอย่าลืมตั้ง
stop loss ไว้ด้วยล่ะ
การเทรดต้องใจเย็น ต้องมีวินัย ไม่โลภ สำคัญใจของเราครับต้องมั่นคง
อย่าเชื่อซิกใครง่ายๆ อย่าหลงไปเพราะคำพูดบางคำ ถ้ามันเข้าเงื่อนไขแล้ว
ไม่นานมันจะต้องถึง TP ของเราครับ
ถึงแม้จะมีการทดสอบจิตใจเด้งให้แดงอยู่เป็นพักๆ แต่อาจจะเป็นเพราะแรงข่าว
หรือไม่ก็เพราะคนบางกลุ่มที่พยายามจะปั่นหุ้น
แต่ยังไงสุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นไปตามเงื่อนไขครับ
สุดท้ายนี้ หวังว่าทุกท่านคงจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ไม่มากก็น้อย
ขอให้ปราบมังกรแล้วชิงขุมทรัพย์มาได้นะครับ ผมคงต้องไปแล้ว สำหรับวันนี้
สวัสดีครับ
สู้ครับ ผมว่า forex เป็นอะไรที่น่าทำมาก เพราะทำกำไรได้เป็นรายนาทีเลย
ดูหนังเรื่อง about time แล้วรู้สึกดี แต่ก็รู้สึกผิดหวังในตัวเองด้วยที่เคยปล่อยให้เวลามันผ่านไป หลังจากที่ดูเสร็จแล้วก็อยากให้คนอื่นได้ดูเรื่องนี้ด้วย เพราะทำดีมากๆ ชอบมาก ให้คะแนนเต็มร้อยเลย
VIDEO
About Time เป็นเรื่องราวของครอบครัว Lake ที่มีความพิเศษกว่าครอบครัวอื่น ตรงที่ผู้ชายของบ้านนี้สามารถ “เดินทางย้อนเวลาได้” ฟัง
ดูอาจเป็นหนัง Sci-fi แต่ใน About Time
การข้ามเวลาในเรื่องนี้เป็นเรื่องเรียบง่ายมาก ไม่ต้องใช้ทฤษฎีที่ซับซ้อน
ไม่มีเรื่องโลกคู่ขนานวุ่นวายให้ปวดนัก ไม่มีผลกระทบถึงขั้นเปลี่ยนแปลงโลก
ที่ต้องทำก็เพียงแค่หาที่มืดๆ
กำหมัดให้แน่นแล้วย้อนไปยังช่วงเวลาที่เราต้องการ
โดยมีข้อแม้เพียงแต่ว่าย้อนไปได้เฉพาะในเรื่องราวที่เราจำได้
และไม่สามารถข้ามไปในอนาคตได้เท่านั้น
หนังทอนเอาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ออกไปเกือบหมด จนอาจทำให้คอ Sci-fi
อาจรู้สึกหงุดหงิดและพบช่องโหว่ในเรื่องเต็มไปหมดได้
แต่นั่นก็ไม่สำคัญเพราะ About Time ไม่ได้วางตัวเองว่าเป็นหนัง Sci-fi
แต่เป็นหนังรักที่มีเรื่องของการข้ามเวลามาเป็นองค์ประกอบแค่นั้น
About Time เป็นหนังที่่ขึ้นต้นด้วยเรื่องของความรัก
แต่ในตอนท้ายหนังก็พาเราไปอีกขั้นกับเรื่องราวความสัมพันธ์ภายในครอบครัว
Lake ซึ่งก็ทำได้ซาบซึ้งและอบอุ่นไม่แพ้ในส่วนของความรักระหว่างหนุ่มสาว
โดยเฉพาะความรักความผูกพันธ์ระหว่าง Tim กับ “พ่อ” (Bill Nighy) และ Tim กับน้องสาวของเขา “Kit Kat” (Lydia
Wilson) เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพ่อและน้องสาวทำให้ Tim ตระหนักว่า
ต่อให้เขามีความสามารถเพียงไร แต่เขาก็ไม่สามารถแก้ไขทุกเรื่องได้
เรื่องบางเรื่องก็ต้องให้เจ้าตัวเป็นคนแก้ด้วย อย่างกรณีของ Kit Kat
ที่เขาพยายามย้อนไปแก้ ณ จุดเริ่มต้น
ก่อนจะพบว่ามันส่งผลกระทบที่ไม่คาดคิดตามมา
เขาเลยเลือกที่จะแก้ปัญหาในปัจจุบันแทน และ Kit Kat
ก็ต้องเป็นคนนำในการแก้ปัญหาของตัวเองด้วย
มีเคล็ดลับหนึ่งที่พ่อได้ให้ไว้กับ Tim ก็คือ
การให้ลองย้อนเวลากลับไปแต่ไม่ให้แก้ไขอะไร
แต่ให้ซึมซับความสุขจากห้วงเวลาเหล่านั้น
เพราะการสามารถย้อนเวลาได้บางครั้งก็ทำให้เราละเลยกับปัจจุบัน
โดยคาดว่าเดี๋ยวก็ไปแก้ใหม่ได้
แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่สามารถแก้ทุกอย่างได้ด้วยการย้อนเวลา
บางเรื่องก็ทำได้แค่ย้อนไปเพื่อยื้อเวลาไว้ สิ่งที่พ่อบอกกับ Tim
จึงเป็นการเตือนให้เขาใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด
โดยเฉพาะกับ ”ครอบครัว” และ ”ความรัก” เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง
เมื่อเราใช้ทุกวันเสมือนว่าไม่สามารถย้อนไปแก้ไขได้
เราก็จะเต็มที่กับมัน เก็บเกี่ยวความสุขในแต่ละวันอย่างเต็มที่
เมื่อเราสุขแล้ว การย้อนเวลาก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
ภายใต้เบื้องหน้าโรแมนติก-คอเมดี้ About Time ได้ถ่ายทอดประเด็นเรื่องเวลา
โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับความรักและครอบครัว
ได้อย่างน่าอบอุ่นและซาบซึ้งไม่น้อย
โดยส่วนตัวไม่ค่อยอินกับหนังรักจากฝั่งตะวันตกนัก
แต่เรื่องนี้ต้องยกเว้นไว้เลย
การเล่าเรื่องความรักและความผูกพันธ์ได้อย่างนุ่มนวล แทรกด้วยมุขตลก
รวมถึงการสร้างสรรค์ตัวละครทั้งตัวหลักตัวประกอบที่ทำได้น่ารัก จึงรับประกันได้เลยว่าดูเรื่องนี้แล้ว จะได้ความรู้สึกดีๆ กลับบ้านไปแน่นอน
ถึงย้อนเวลาได้เราก็ไม่สามารถแก้ทุกอย่างได้ด้วยการย้อนเวลา บางเรื่องก็ทำได้แค่ย้อนไปเพื่อ "ยื้อเวลา" ไว้ "i just try to live every day as if i've deliderately come back to this one day, to enjoy it as if it was the full final day of my extraordinary, ordinary life" "ผมพยายามใช้ชีวิตทุกวันราวกับผมได้ย้อนกลับมาแก้ไขมันแล้ว เพื่อมีความสุขกับมัน ราวกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายของวันธรรมดาที่แสนวิเศษของผม" ดื่มด่ำกับช่วงเวลา จงใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข ใช้เวลาให้คุ้มค่า ใช้เวลาอย่างคุ้มที่สุดโดยเฉพาะกับคนที่เรารัก เวลาไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ใครยังไม่ได้ดูแนะนำให้ดูนะ about time ข้อความส่วนใหญ่ก็อบบทวิจารณ์มาจาก >>> ที่นี่
ใครจะไปดูเรื่องนี่บ้างยกมือขึ้นหน่อยครับผม แหม๋ น่าดูนะครับ เป็นเรื่องราวของเทรนเนอร์ที่โรงยิมแห่งนึง .. จะว่าไปที่มาเขียนบล็อคนี่ผมยังไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องเลย แต่เห็นชื่อเรื่องปุ๊บอยากดูทันที แล้วบวกกันนักแสดงที่ผมชื่นชอบด้วย นั้นก็คือดาว์นี่ จอนสันหรือเดอะร็อคที่เรารู้จัก และ มาร์ค วอเบริค
เรื่องย่อก็อบมาจากเว็บ kapook
โดย Pain and Gain จากเรื่องจริงที่ไม่น่าเชื่อของ 3
ผู้ฝึกสอนส่วนบุคคลที่ฟิตเนสแห่งหนึ่งในไมอามี่ เมื่อปี ค.ศ. 1990
ที่พยายามไล่ตามความฝันสู่ความร่ำรวยตามแบบฉบับของชาวอเมริกัน
ด้วยแผนการรวยลัดสุดแสบ จนเข้าไปพันพัวกับเจ้าพ่ออาชญากร สู่การลักพาตัว
และบานปลายกลายเป็นความผิดพลาดสุดเลวร้ายกว่าที่คิด
ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดจะเข้าฉายในบ้านเราวันที่ 12 กันยายน ปีนี้
จะเล่าให้ฟังเรื่องเล่นกล้าม ตอนนี้ผมเล่นกล้ามมาได้ 3 เดือนเต็มๆ แต่ยังไม่ค่อยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่จากที่วัด แขนขึ้นมา 1 นิ้ว จากก่อนเล่น12นิ้ว ปัจจุบัน 13นิ้ว หน้าอกขึ้นมานิดหน่อยพอเห็น นำหนักขึ้นมานิดนึงจาก 55kg เป็น 60kg ในเดือนแรกไม่ได้กินอาหารเสริมอะไรเลย เน้นกินข้าวกับเนื้อไก่ เนื้อหมู เยอะๆ และก็หลายๆ มื้อ แต่คนที่เล่นกล้ามจะรู้เลยว่าจะหิวบ่อยมาก ตอนนั้นกินไม่บันยะบันยัง เลยทำให้มีพุง six-packแทบจะมองไม่เห็นเลยถ้าไม่เกรง
สั่งซื้อ super mass gainer
หลังจากผ่านเดือนแรกไป เข้าสู่เดือนที่สอง จากเป็นสมาชิกรายเดือน ตัดสินใจสมัคร 3 เดือนเลย และก็ซื้ออาหารเสริมตัวหนึ่งมาสั่งทางเว็บไป จริงๆแล้วตัดสินใจนั้นมาก และก็หาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริมนานมาก จนสรุปได้ว่าจริงๆเราต้องการอะไร ที่ซื้อตัว super mass gainer ของ dymatize เป้นเพราะว่า เราต้องการเพิ่มน้ำหนักให้เยอะๆก่อน เพราะเราเป็นคนตัวเล็ก
สนใจสั่งซื้อคลิกที่นี่ >>>> คลิกที่นี่เพื่ออ่านเกี่ยวกับ Super mass gainer และสั่งซื้อ <<< เดี๋ยวเรื่องลิงค์สนใจซื้อยังไง เดี๋ยวผมเอาลิงค์มาลงนะครับ ต้องขอโทษด้วย
ตอนแรกนะครับที่เล่นกล้าม แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แรกๆก็ให้เทรนเนอร์สอน แต่ช่วงเดือนที่สอง เริ่มหาข้อมูลเอง หาโปรแกรมที่จะเล่นเอง ก็หาเล่นมั่วๆมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันเล่นมาเกือบ 4 เดือนแล้ว ตอนนี้ผมใช้โปรแกรมของพี่สุดหล่อคนนี้อยู่ Steve Cook กดที่นี่นะครับถ้าอยากใช้โปรแกรมเดียวกับผม ใช้มาได้แค่วันเดียว บอกตรงๆว่าเวริคมาก ปวดสุดๆ ตอนนี้ผมก็เลยไม่ได้ให้เทรนเนอร์สอนเลย เล่นเองตลอด ส่วนเทคนิคการเล่นให้ใหญ่ๆ นะครับ เขาบอกกันว่าให้ยก 8-12 ครั้งครับ ถ้ายกได้เกิน 12ครั้งแล้วยังไม่หมดแรง ให้เพิ่้มน้ำหนักเข้าไปอีกนะครับ แต่ถ้าอยากใหญ่ๆ เลย ให้ยกแค่ 6-8 ครั้งพอครับ นั้นคือครั้งที่ 8 ยกแทบไม่ไหวแล้วนะครับ คือหมดแรงพอดีที่ครั้งท่ 8
ใครอยากมี six-pack นะครับ ทำง่ายๆ ไม่ยากอย่างที่คิดกันหรอกครับ ใครบอกว่ายากจำไว้เลยครับว่าคนนั้นไม่มีความพยายาม การจะทำอะไรแล้วเราต้องมีความพยายานะครับ พูดถึงคนที่มีพุงก่อนนะครับ อันดับแรกเราต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันก่อนนะครับ พยายามทานอะไรที่มันไม่ทอด ไม่มีน้ำมัน จากนั้นให้เราแบ่งอาหารเป็นหลายๆมื้อครับ หรือถ้าใครทำไม่ได้ให้กินแต่พออิ่มนะครับ พออิ่มคือ กินข่้าวหมดจานแล้ว รู้สึกว่ายังไม่อิ่ม แต่พอกินน้ำตามเข้าไปแล้ว รู้สึกอิ่มขึ้นมา
ที่ผมให้กินมื้อหนึ่งไม่มากแค่พิอิ่มเป็นเพราะว่าผมต้องการให้กระเพาะอาหารของคุณมาหดเล็กลงครับ คุณเคยได้ยินไหมครับว่ากระเพาะอาหารสามารถขยายได้กี่เท่า 10 - 40 เท่าเลยนะครับ ซึ่งถ้าคุณกินอิ่มมากๆ บ่อยครั้งเขา จะทำให้กระเพาะอาหารยิ่งขยาย มากขึ้น และผลที่ตามมาคือคุณมีพุงที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งการควบคุมอาหารแบบนี้จะช่วยได้มากเลยครับผม
อย่างที่สองในการสร้าง six-pack ก็คือการออกกำลังกายครับ ให้คุณหาเวลาวิ่งนะครับ อาทิตย์ละ 3 ครั้งก็พอ ครั้งหนึ่งวิ่ง 1ชม. นะครับ วิ่งไปเรื่อยๆ ครับ ถ้าเหนื่อยมากก็ให้เดิน ถ้าเดินจนหายเหนื่อยแล้วก็วิ่งต่อครับ ทำอย่างนี้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ครับ และก็ให้ฝึกพวกท่า sit-up น่ะครับส่วนเรื่องท่าคงไม่ต้องบอกนะครับ หาอ่านได้ทั่วไป
นี้รูปผมครับ ก่อนเล่น และก็หลังเล่น น่าจะประมาณ 3 - 4 เดือน May - Aug
ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่เลยใช่ไหมครับ 555 แต่หลังจากนี้ตั้งใจเล่นอย่างจริงจัง แล้วครับผม สู้เว้ยมาดูไอดอลมากันบ้างครับ จะเอาให้ได้แบบรูปด้านล่างเลยครับผม