ใช้เวลาทุกวันให้มีความสุข

10:35 0 Comments

ดูหนังเรื่อง about time แล้วรู้สึกดี แต่ก็รู้สึกผิดหวังในตัวเองด้วยที่เคยปล่อยให้เวลามันผ่านไป
หลังจากที่ดูเสร็จแล้วก็อยากให้คนอื่นได้ดูเรื่องนี้ด้วย เพราะทำดีมากๆ ชอบมาก ให้คะแนนเต็มร้อยเลย


About Time เป็นเรื่องราวของครอบครัว Lake ที่มีความพิเศษกว่าครอบครัวอื่น ตรงที่ผู้ชายของบ้านนี้สามารถ “เดินทางย้อนเวลาได้” ฟัง ดูอาจเป็นหนัง Sci-fi แต่ใน About Time การข้ามเวลาในเรื่องนี้เป็นเรื่องเรียบง่ายมาก ไม่ต้องใช้ทฤษฎีที่ซับซ้อน ไม่มีเรื่องโลกคู่ขนานวุ่นวายให้ปวดนัก ไม่มีผลกระทบถึงขั้นเปลี่ยนแปลงโลก ที่ต้องทำก็เพียงแค่หาที่มืดๆ กำหมัดให้แน่นแล้วย้อนไปยังช่วงเวลาที่เราต้องการ โดยมีข้อแม้เพียงแต่ว่าย้อนไปได้เฉพาะในเรื่องราวที่เราจำได้ และไม่สามารถข้ามไปในอนาคตได้เท่านั้น หนังทอนเอาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ออกไปเกือบหมด จนอาจทำให้คอ Sci-fi อาจรู้สึกหงุดหงิดและพบช่องโหว่ในเรื่องเต็มไปหมดได้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเพราะ About Time ไม่ได้วางตัวเองว่าเป็นหนัง Sci-fi แต่เป็นหนังรักที่มีเรื่องของการข้ามเวลามาเป็นองค์ประกอบแค่นั้น

About Time เป็นหนังที่่ขึ้นต้นด้วยเรื่องของความรัก แต่ในตอนท้ายหนังก็พาเราไปอีกขั้นกับเรื่องราวความสัมพันธ์ภายในครอบครัว Lake ซึ่งก็ทำได้ซาบซึ้งและอบอุ่นไม่แพ้ในส่วนของความรักระหว่างหนุ่มสาว โดยเฉพาะความรักความผูกพันธ์ระหว่าง Tim กับ “พ่อ” (Bill Nighy) และ Tim กับน้องสาวของเขา “Kit Kat” (Lydia Wilson) เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพ่อและน้องสาวทำให้ Tim ตระหนักว่า ต่อให้เขามีความสามารถเพียงไร แต่เขาก็ไม่สามารถแก้ไขทุกเรื่องได้ เรื่องบางเรื่องก็ต้องให้เจ้าตัวเป็นคนแก้ด้วย อย่างกรณีของ Kit Kat ที่เขาพยายามย้อนไปแก้ ณ จุดเริ่มต้น ก่อนจะพบว่ามันส่งผลกระทบที่ไม่คาดคิดตามมา เขาเลยเลือกที่จะแก้ปัญหาในปัจจุบันแทน และ Kit Kat ก็ต้องเป็นคนนำในการแก้ปัญหาของตัวเองด้วย
 
มีเคล็ดลับหนึ่งที่พ่อได้ให้ไว้กับ Tim ก็คือ การให้ลองย้อนเวลากลับไปแต่ไม่ให้แก้ไขอะไร แต่ให้ซึมซับความสุขจากห้วงเวลาเหล่านั้น เพราะการสามารถย้อนเวลาได้บางครั้งก็ทำให้เราละเลยกับปัจจุบัน โดยคาดว่าเดี๋ยวก็ไปแก้ใหม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่สามารถแก้ทุกอย่างได้ด้วยการย้อนเวลา บางเรื่องก็ทำได้แค่ย้อนไปเพื่อยื้อเวลาไว้ สิ่งที่พ่อบอกกับ Tim จึงเป็นการเตือนให้เขาใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะกับ ”ครอบครัว” และ ”ความรัก” เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง
เมื่อเราใช้ทุกวันเสมือนว่าไม่สามารถย้อนไปแก้ไขได้ เราก็จะเต็มที่กับมัน เก็บเกี่ยวความสุขในแต่ละวันอย่างเต็มที่ เมื่อเราสุขแล้ว การย้อนเวลาก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ภายใต้เบื้องหน้าโรแมนติก-คอเมดี้ About Time ได้ถ่ายทอดประเด็นเรื่องเวลา โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับความรักและครอบครัว ได้อย่างน่าอบอุ่นและซาบซึ้งไม่น้อย โดยส่วนตัวไม่ค่อยอินกับหนังรักจากฝั่งตะวันตกนัก แต่เรื่องนี้ต้องยกเว้นไว้เลย การเล่าเรื่องความรักและความผูกพันธ์ได้อย่างนุ่มนวล แทรกด้วยมุขตลก รวมถึงการสร้างสรรค์ตัวละครทั้งตัวหลักตัวประกอบที่ทำได้น่ารัก จึงรับประกันได้เลยว่าดูเรื่องนี้แล้ว จะได้ความรู้สึกดีๆ กลับบ้านไปแน่นอน
 

ถึงย้อนเวลาได้เราก็ไม่สามารถแก้ทุกอย่างได้ด้วยการย้อนเวลา บางเรื่องก็ทำได้แค่ย้อนไปเพื่อ "ยื้อเวลา" ไว้

"i just try to live every day as if i've deliderately come back to this one day, to enjoy it as if it was the full final day of my extraordinary, ordinary life"

"ผมพยายามใช้ชีวิตทุกวันราวกับผมได้ย้อนกลับมาแก้ไขมันแล้ว เพื่อมีความสุขกับมัน ราวกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายของวันธรรมดาที่แสนวิเศษของผม"

ดื่มด่ำกับช่วงเวลา จงใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข  ใช้เวลาให้คุ้มค่า ใช้เวลาอย่างคุ้มที่สุดโดยเฉพาะกับคนที่เรารัก  เวลาไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป

ใครยังไม่ได้ดูแนะนำให้ดูนะ about time

ข้อความส่วนใหญ่ก็อบบทวิจารณ์มาจาก >>> ที่นี่


ChaowKung

Some say he’s half man half fish, others say he’s more of a seventy/thirty split. Either way he’s a fishy bastard. Google

0 ความคิดเห็น: